๑. ทาน ที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
         ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องในการสร้างทานนั้น
         ๒. มีเจตนา ๔ ในการทำทานนั้น คือ
            ๑. เจตนาก่อนที่จะทำทานนั้น
            ๒. เจตนาขณะที่กำลังทำทานนั้น
            ๓. เจตนาขณะที่ทำทานนั้นเสร็จแล้วใหม่ๆ
            ๔. เจตนาที่ทำทานนั้นเสร็จไปแล้วเป็นเวลานาน
         ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔
         ๔. องค์ทานที่จะทำนั้นต้องได้มาด้วยความบริสุทธิ์
         ๕. องค์ทานนั้นต้องมีประโยชน์กับปฏิคาหกหรือผู้รับ
         ๖. ปฏิคาหกหรือผู้รับต้องเป็นบุคคลที่สมควร ( มีคุณธรรมสูงสุด คืออริยบุคคล ต่ำสุด คือผู้มีนิจศีล)
ผลของ ทาน
ปฏิสนธิกาล
คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
ปวัตติกาล
         มีกินมีใช้ด้วยวคามอุดมสมบูรณ์ตามฐานะ

๒ ศีลที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
         ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องในการที่จะรักษาศีลอันถูกต้อง
         ๒. มีเจตนา ๔ ในการรักษาศีลนั้น คือ
            ๑. เจตนาก่อนที่จะรักษาศีล
            ๒. เจตนาขณะที่กำลังอยู่ในศีล
            ๓. เจตนาที่พ้นจากศีลใหม่ๆ
            ๔. เจตนาที่พ้นจากศีลนานแล้ว
         ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔
         ๔. ศีลแต่ละตัวจะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนไม่ขาดตกบกพร่อง
         ๕. ประเภทของศีลอย่างหยาบๆมีดังนี้คือ
            ๑. นิจศีล หมายถึง ศีลที่ติดอยู่ตลอดไปโดยไม่ละทิ้ง และมีความถูกต้องครบถ้วน
            ๒. อุโบสถศีล หมายถึง ศีล ๒ อันได้แก่
               ๑. ปาฏิโมกขสังวร คือ ศีลทั้ง ๘ ตัว จะต้องมีครบถ้วนไม่บกพร่อง
               ๒. ภาวนา คือ ในขณะที่รักษาศีลอยู่นั้นจะต้องมีการภาวนาในอนุสสติ ๕ ให้เกิดขึ้น
ตลอดเวลาที่รักษาศีล คือ พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ สีลานุสสติ เทวตานุสสติ
            ๓. วิสุทธิศีล หมายถึง ศีล ๔ อันได้แก่
               ๑. ปาฏิโมกขสังวร คือ ศีลที่รักษามีกี่ตัวจะต้องครบถ้วนสมบูรณ์
               ๒. อินทรีย์สังวร คือ การสำรวมทางทวาร ๖ อยู่ในความเป็นอุเบกขา
               ๓. อาชีวสังวร คือ การเลี้ยงชีวิตโดยชอบ ภิกษุได้แก่การบิณฑบาต ถ้าเป็นคฤหัสถ์จะ
ต้องเป็นสัมมาอาชีวะ
               ๔. ปัจจยสังวร คือ การกินอาหารต้องพิจารณาว่ากินเพื่อดำรงชีวิตอยู่ การแต่งกายต้อง
พิจารณาว่าแต่งกายเพื่อป้องกันอุณหภูมิร้อนเย็น และป้องกันความอุจาดลามก ที่อยู่อาศัยจะต้อง
พิจารณาว่าเพื่อป้องกันแดดป้องกันฝน การกินยารักษาโรคต้องพิจารณาว่าเพื่อบำบัดทุกขเวทนา
ให้ลดน้อยถอยลง จะได้ทำคุณงามความดีให้เกิดขึ้นได้
ผลของ ศีล
ปฏิสนธิกาล
คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
ปวัตติกาล
         
มีคนเคารพนับถือมีความสุขสบาย

๓ ภาวนาที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
         ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องในการที่จะสร้างภาวนาให้เกิดขึ้น
         ๒. มีเจตนา ๔ ในการภาวนานั้น คือ
            ๑. เจตนาก่อนภาวนา
            ๒. เจตนาขณะกำลังภาวนา
            ๓. เจตนาเมื่อภาวนาเสร็จแล้วใหม่ๆ
            ๔. เจตนาเมื่อภาวนาเสร็จไปนานแล้ว
         ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔   
        
๔. ภาวนาอันถูกต้องในพระธรรมของพุทธศาสนา             
        
๕. มีความรู้ความหมายของบทบริกรรมภาวนานั้นว่ามีความหมายประการใดแล้วโน้มจิตตามไป
ผลของ ภาวนา
ปฏิสนธิกาล
คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
ปวัตติกาล
         
๑. มีจิตใจไม่วุ่นวาย
          ๒. การดำรงชีวิตมีสุข

๔. การเคารพบุคคลที่ควรเคารพหรือการอ่อนน้อมถ่อมตนที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
         ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องในบุคคลผู้นั้น
         ๒. มีเจตนา ๔ ในการเคารพหรือการอ่อนน้อมถ่อมตน คือ
            ๑. เจตนาก่อนทำ
            ๒. เจตนาขณะกำลังทำ
            ๓. เจตนาเมื่อทำเสร็จแล้วใหม่ๆ
            ๔. เจตนาเมื่อทำเสร็จแล้วเป็นเวลานาน
         ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔   
        
๔. บุคคลผู้นั้นมีคุณสมบัติอันดีทางโลกหรือทางธรรมอันถูกต้อง
         ๕. เคารพโดยการอนุโมทนาในคุณงามความดีในทางโลกหรือทางธรรมอันถูกต้องของผู้นั้น
ผลของ เคารพบุคคลที่ควรเคารพ
ปฏิสนธิกาล
คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
ปวัตติกาล
         มีคนเคารพนับถือยอมรับเป็นผู้นำของเขา

๕. ขวนขวายในกิจที่ชอบที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
         ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องในการที่จะขวนขวายในกิจที่ชอบ
         ๒. มีเจตนา ๔ ในการขวนขวายในกิจที่ชอบนั้น คือ
            ๑. เจตนาก่อนทำการขวนขวายในกิจที่ชอบ
            ๒. เจตนาขณะทำการขวนขวายในกิจที่ชอบ
            ๓. เจตนาที่ขวนขวายในกิจที่ชอบเสร็จแล้วใหม่ๆ
            ๔. เจตนที่ขวนขวายในกิจที่ชอบเสร็จแล้วนาน
         ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔   
        
๔. การกระทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นต่อส่วนรวมโดยไม่เดือดร้อนแก่ผู้ใด เช่น การทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ผลของ ขวนขวายในกิจที่ชอบ
ปฏิสนธิกาล
คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
ปวัตติกาล
        
๑. ดำรงชีวิตด้วยความปลอดโปร่ง
         ๒. มีคนช่วยเหลือและสนับสนุนในกิจการที่กระทำในชีวิต

๖. การแผ่กุศลผลบุญ ที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
         ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องที่จะให้ความเอื้อเฟื้อความสุขความสบายแก่ผู้อื่น
         ๒. มีเจตนา ๔ ในการที่จะแผ่กุศลผลบุญนั้น คือ
            ๑. เจตนาก่อนที่จะแผ่กุศลผลบุญนั้น
            ๒. เจตนาขณะที่กำลังแผ่กุศลผลบุญนั้น
            ๓. เจตนาที่แผ่กุศลผลบุญนั้นเสร็จแล้วใหม่ๆ
            ๔. เจตนาที่ได้แผ่กุศลผลบุญนั้นเสร็จนานแล้ว
         ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔ 
        
๔. ตนได้สร้างกุศลอันถูกต้องให้เกิดขึ้นแล้ว อันได้แก่ กามาวจรกุศล รูปาวจรกุศล อรูปาวจรกุศล โลกุตตรกุศล อันถูกต้องในพระพุทธศาสนา
        ๕. การแผ่กุศลเสร็จแล้ว ควรจะได้ขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ทั้งนี้เพราะผู้นั้นอาจเคยเป็น เจ้าเวรนายกรรมมาแต่ก่อนก็ได้  
         
๖. ระบุผู้ที่ควรแก่การแผ่กุศลนั้นด้วยเจตนาอันมั่นคง และสมควรแก่ฐานะที่เราจะแผ่กุศลผลบุญให้แก่เขา หรือสมควรแก่ฐานะของผู้รับจะได้รับหรือไม่
ผลของ แผ่กุศลผลบุญ
ปฏิสนธิกาล
คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
ปวัตติกาล
         
๑. มีผู้ยกย่องสรรเสริญ
          ๒. มีกินมีใช้อันสมควรแก่ฐานะ
          ๓. มีผู้เสียสละให้แก่ตน

๗. การอนุโมทนาบุญที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
         ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องที่ผู้นั้นกระทำคุณงามความดีอันถูกต้องในทางโลกหรือทางธรรม
         ๒. มีเจตนา ๔ ในการอนุโมทนาคุณงามความดีของผู้นั้น คือ
            ๑. เจตนาก่อนที่จะอนุโมทนา
            ๒. เจตนาขณะที่กำลังอนุโมทนา
            ๓. เจตนาขณะที่อนุโมทนาเสร็จแล้วใหม่ๆ
            ๔. เจตนาขณะที่อนุโมทนาเสร็จเป็นเวลานานแล้ว
         ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔   
        
๔. รู้ว่าผู้นั้นกระทำโดยถูกต้องทั้งในทางโลกหรือทางธรรมเพื่อเป็นการสืบต่อ ๓ สถาบัน คือ ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา องค์พระมหากษัตริย์ โดยไม่หวังประโยชน์ใดๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
         ๕. อนุโมทนาคุณงามความดี หรือมีความยินดีต่อการกระทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมโดยไม่
เบียดเบียนหรือหวังผลแต่ประการใดๆ เลย
ผลของ การอนุโมทนาบุญ
ปฏิสนธิกาล
คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
ปวัตติกาล
          ๑. มีผู้สรรเสริญ
          ๒. ดำเนินชีวิตโดยความถูกต้อง

๘. การฟังธรรม ที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
         ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องที่ได้ฟังธรรมในพระพุทธศาสนา
         ๒. มีเจตนา ๔ ในการฟังธรรมนั้น คือ
            ๑. เจตนาก่อนที่จะฟัง
            ๒. เจตนาขณะที่กำลังฟังธรรม
            ๓. เจตนาที่ฟังธรรมเสร็จแล้วใหม่ๆ
            ๔. เจตนาที่ฟังธรรมเสร็จนานแล้ว
         ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔ 
        
๔. ตั้งใจฟังด้วยความเคารพในธรรมของพุทธศาสนาและพยายามจดจำไว้
         ๕. เมื่อฟังแล้วพิจารณากลั่นกรองด้วยเหตุด้วยผล และพิจารณาว่าธรรมนั้นสมควรแก่ฐานะ
ของตัวเราที่จะประพฤติปฏิบัติได้หรือไม่
         ๖. เมื่อมีข้อสงสัยก็สนทนาไต่ถามเพื่อทำความเข้าใจอันถูกต้อง
         ๗. ประพฤติปฏิบัติธรรมที่ได้ฟังให้ถูกต้องตามควรแก่ฐานะ คือ การสืบต่อพระพุทธศาสนา
นั่นเอง
ผลของ การฟังธรรม
ปฏิสนธิกาล
คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
ปวัตติกาล
           มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ที่คนอื่นรู้ได้ยากแต่ตนรู้ได้โดยง่าย

๙. การให้ธรรมเป็นทาน ที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
         ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องเพื่อดำรงไว้ซึ่งพุทธศาสนา
         ๒. มีเจตนา ๔ ในการที่ให้ธรรมอันสมควร คือ
            ๑. เจตนาก่อนให้ธรรม
            ๒. เจตนากำลังให้ธรรม
            ๓. เจตนาที่ให้ธรรมเสร็จแล้วใหม่ๆ
            ๔. เจตนาที่ให้ธรรมเสร็จนานแล้ว
         ๓. มีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวงในเจตนา ๔   
        
๔. เป็นธรรมในพระพุทธศาสนาอันถูกต้อง
         ๕. ธรรมที่ให้นั้นเป็นธรรมที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังที่จะนำไปประพฤติปฏิบัติ
         ๖. ชี้แจงให้ผู้ฟังมีความเข้าใจ สามารถนำไปประพฤติปฏิบัติได้โดยถูกต้องตามฐานะ
ผลของ การให้ธรรมเป็นทาน
ปฏิสนธิกาล
คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
ปวัตติกาล
        
๑. มีปัญญาเฉลียวฉลาด
         ๒. เข้าถึงธรรมอันถูกต้องได้โดยง่าย
         ๓. มีกินมีใช้อันสมควรแก่ฐานะ
         ๔. มีผู้เคารพนับถือ
         ๕. ดำเนินชีวิตไปด้วยความถูกต้อง

๑0. ทิฏฐุชุกรรม ( การทำความเห็นให้ถูก ) ที่จะให้ผลเกิดย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ
         ๑. มีศรัทธาอันถูกต้องโดยเชื่อพระธรรมในพุทธศาสนาแต่ละเรื่องและขั้นตอนในการที่กระทำ
สิ่งนั้นๆ ให้ถูกต้อง
         ๒. จะต้องมีการค้นคว้าในพระธรรมคำสอนอันถูกต้อง
         ๓. จะต้องมีการประพฤติธรรมปฏิบัติธรรมอันสมควรแก่ธรรมและผลเกิดขึ้นแล้วจึงจะสามารถรู้ได้ว่าอย่าง
ใดผิดอย่างใดถูก
         ๔. ต้องใช้สติและปัญญาประกอบด้วยเหตุและผลแต่ละขั้นละตอน
         ๕. ในเรื่องแต่ละเรื่องจะต้องพิจารณาด้วยเหตุและผลด้วยจิตเป็นอุเบกขา ทั้งในเรื่องดีและ
เรื่องชั่ว
         ๖. สิ่งที่ถูกต้องตามพระธรรมคำสอนนั่นก็คือ " ละความชั่ว ทำแต่ความดี "
         ๗. เมื่อการทำความเห็นให้ถูกต้องแล้ว จะกระทำในสิ่งอันถูกต้องนั้นจะต้อง ประกอบด้วยเจตนา
๔ อันมีจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่ง ใน ๘ ดวง
ผลของ ทิฏฐุชุกรรม
ปฏิสนธิกาล
คือ กามสุคติภูมิ อันได้แก่ ความเป็นมนุษย์ และเทวดา ๕ ชั้น ( เว้นเทวดาชั้นดุสิต )
ปวัตติกาล
         ๑. มีสติปัญญาอันว่องไว
         ๒. มีความคิดความเห็นอันถูกต้องทั้งในทางโลกและทางธรรม