พระไตรปิฎก พิมพ์โดย มหามกุฎราชวิทยาลัย เล่มที่ 9 (พระวินัยปิฎก) หน้า 66

สมัยต่อมา พระฉัพพัคคีย์เรียนดิรัจฉานวิชา...ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้า...ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเรียนดิรัจฉานวิชา รูปใดเรียน ต้อง อาบัติทุกกฏ.

สมัยต่อมา พระฉัพพัคีย์สอนดิรัจฉานวิชา ชาวบ้านเพ่งโทษติเตียน โพทนาว่า เหมือนพวกคฤหัสถ์ ผู้บริโภคกาม ...ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

พระผู้มีพระภาคเจ้า...ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสอนดิรัจฉานวิชา รูปใดสอน ต้อง อาบัติทุกกฏ.

สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า อันบริษัทหมู่ใหญ่แวดล้อมแล้ว กำลังทรงแสดงธรรม ได้ทรง จามขึ้น ภิกษุทั้งหลายได้ถวายพระพรอย่างอึงมี่ว่า ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงพระชนมายุ ขอพระสุคตจง ทรงพระชนมายุเถิดพระพุทธเจ้าข้า ธรรมกถาได้พักในระหว่างเพราะเสียงนั้น จึงพระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งถาม ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลที่ถูกเขาให้พรว่า ขอจงทรงพระชนมายุในเวลาจาม จะพึงเป็น หรือพึงตายเพราะเหตุที่ให้พรนั้นหรือ ภิกษุ: ไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาค: ดูก่อนภิษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงกล่าวคำให้พรว่า ขอจงทรงมีชนมายุในเวลาจาม รูปใดให้พร ต้องอาบัติทุกฏ.

สมัยนั้น ชาวบ้านให้พรในเวลาที่ภิกษุทั้งหลายจามว่า ขอท่านจงมีชนมายุ ภิกษุทั้งหลายรังเกียจ มิได้ให้พรตอบ ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพทะนาว่า ไฉน พระสมณะเชื้อสายพระศากยะบุตร เมื่อเขาให้ พรว่า จงเจริญชนมายุ จึงไม่ให้พรตอบเล่า ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่ พระผู้มีพระภาคเจ้า พระ ผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชาวบ้านมีความต้องการสิ่งที่เป็นมงคล เราอนุญาติให้ภิกษุที่เขา ให้พรว่า จงเจริญชนมายุ ดังนี้ ให้พรตอบแก่ชาวบ้านว่า ขอท่านจงเจริญชนมายุยืนนาน.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อปุถุชนกล่าวชมตถาคต พึงกล่าวชมอย่างนี้ว่า

๑. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายอุปบาต ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดแกลบบูชาไฟ ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวบูชาไฟ ทำพิธีเติมเนยบูชาไฟ ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะพื้นที่ ดูลักษณะไร่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน .................

๒. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ทายลักษณะสตรี ทายลักษณะบุรุษ ทายลักษณะกุมาร ทายลักษณะกุมารี ทายลักษณะช้าง ทาลลักษณะม้า........................

๓. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ดูฤกษ์ยาตราทัพว่า พระราชาจักยกออก พระราชาจะไม่ยกออก พระราชาภายในจะเข้าประชิด พระราชาภายนอกจักถอย พระราชาภายในจักมีชัย.............เพราะเหตุนี้ หรือเหตุนี้.

๔. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ พยากรณ์ว่า จักมีจันทรคราส จักมีสุริยคราส จักมีนักษัตรคราส ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จักเดินถูกทาง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จักเดินผิดทาง ดาวนักษัตรจักเดินถูกทาง ดาวนักษัตรจักเดินผิดทาง จักมีอุกาบาต จักมีดาวหาง จักมีแผ่นดินไหว จันทรคราสจักมีผลอย่างนี้ สุริยคราสจักมีผลอย่างนี้ นักษัตรคราสจักมีผลอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เดินถูกทางจักมีผลอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เดินผิดทางจักมีผลอย่างนี้ ดาวนักษัตรเดินถูกทางจักมีผลอย่างนี้ ดาวนักษัตรเดินผิดทางจักมีผลอย่างนี้ อุกกาบาตจักมีผลอย่างนี้ ดาวหางจักมีผลอย่างนี้ แผ่นดินไหวจักมีผลอย่างนี้........................

๕. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ พยากรณ์ว่า จักมีฝนดี จักมีฝนแล้ง จักมีภิกษาหาได้ง่าย จักมีภิกษาหาได้ยาก จักมีความเกษม จักมีภัย จักเกิดโรค จักมีความสำราญหาโรคมิได้ ..................

๖. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ให้ฤกษ์อาวาหมงคล ฤกษ์วิวาหมงคล ดูฤกษ์เรียงหมอน ดูฤกษ์หย่าร้าง ดูฤกษ์เก็บทรัพย์ ดูฤกษ์จ่ายทรัพย์ ดูโชคดี ดูเคราะห์ร้าย เป็นหมอทรงหญิงสาว เป็นหมอทรงเจ้าบวงสรวงพระอาทิตย์ บวงสรวงท้าวมหาพรหม ร่ายมนต์พ่นไฟ ทำพิธีเชิญขวัญ.......

๗. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาถ่าย ปรุงยาแก้ปวดศรีษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถ์ ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล.................

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ปุถุชนกล่าวชมตถาคตด้วยประการใด ซึ่งมีประมาณน้อยนัก ยังต่ำนัก เป็นเพียงศีลนั้น เท่านั้นแล.

จบมหาศีล

คัดมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง

เวตตรณีนรก

เป็นนรกขุมย่อย ๑ ใน ๔ ของนรกขุมใหญ่แต่ละขุม เวตตรณีนรกนี้อยู่ถัดจากอสิปัตตะนรก สำหรับลงโทษสัตว์นรกที่ตกนรกขุมใหญ่และนรกขุมย่อยมาแล้ว ประการหนึ่ง และสำหรับลงโทษสัตว์ที่ทำกรรมดังต่อไปนี้ คือ ๑. .........................................

นอกจากนี้แล้ว ประเภทที่ ๒ ได้แก่ ภิกษุสามเณรที่ มีศีลไม่บริสุทธิ์ตามพุทธบัญญัติ รับอาหารบิณฑบาตที่ตนบิณฑบาตแล้วไปบริโภคเช่นนี้ ก็อยู่ในนรกขุมนี้เช่นเดียวกัน

๓. .........................................

การที่บุคคลประเภทต่างๆ ตั้ง ๓ประเภทไปตกอยู่ในนรกขุมนี้นั้น สภาพของนรกขุมนี้ เราต้องรู้ว่ามันเป็นอย่างไรซะก่อน สภาพมันก็ดูราบรื่นดี เต็มไปด้วยพื้นเหล็ก ถัดไปจากพื้นเหล็กไกลไปก็เหมือนเป็นบึงอันเต็มไปด้วย น้ำเค็มชั่วกาลนาน ในบริเวณของขุมนรกนี้ มีหนามหวายเหล็กล้อมรอบ ในบึงที่เต็มไปด้วยน้ำเค็มนั้น เต็มไปด้วยบัวหลวงสีขาวอยู่มากมาย

การลงโทษของสัตว์นรกขุมนี้ เขาทำกันอย่างไร

๑. ........................................................................................................................ แต่สำหรับพวกพระภิกษุหรือสามเณรที่มีศีลไม่บริสุทธิ์ ตามที่พุทธบัญญัตติได้กำหนดในเรื่องสิกขาบทเอาไว้แต่บวชนั้นอาศัยผ้าเหลืองเพื่อไปบิณฑบาตเขากิน ให้อิ่มปากอิ่มท้องไปวันหนึ่งๆ นั้น เมื่อตายไปแล้ว ก้อนเหล็กแดงก็จะมาถึง คือก็จะถูกให้กินก้อนเหล็กแดงเข้าไป เมื่อก้อนเหล็กแดงนั้นกินเข้าไปแล้ว ก็จะไหม้ปาก ไหม้คอ ลำไส้น้อย ไส้ใหญ่ ท้องเทิ้งแตกออกมา เมื่อกรรมยังไม่สิ้นตราบใดก็เป็นเช่นนี้ ต้องรับทุกข์ทรมานไป ฉะนั้น ในข้อนี้ผมอยากจะให้ข้อสังเกตสักอย่างหนึ่งว่า เราอย่าเข้าใจว่าสงฆ์นั้นจะไม่ตกนรก พระ ความจริงอาจจะตกนรกได้เหมือนกัน ถ้าไม่มีสิกขา ไม่มีวินัย ฉะนั้นเราไม่ต้องตกใจหรอกว่า เราใส่บาตรกัน เขาจะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ นั่นเป็นเรื่องของเขา เราไม่รู้ แต่เจตนาของเรา ทำให้มีจิตใจอันบริสุทธิ์ เราได้ใส่แล้วแก่สงฆ์ ถ้าเขาไม่บริสุทธิ์ กรรมของเขา เขาก็ต้องได้รับ ไม่ใช่หน้าที่ของเรา เรามีหน้าที่ทำบุญ เราก็เอาบุญของเราเท่านั้น นี่เป็นทางที่ถูก อย่า เราอย่าไปคิดอะไรมากมายนัก