ขั้นที่
1 การสังเกต ให้สังเกตในสิ่งที่เห็น หรือสิ่งแวดล้อม
เช่น ไปดูนก ผีเสื้อ หรือแม้แต่ในการทำงาน ถ้าใครสังเกตมากก็จะเกิดปัญญามาก
ขั้นที่ 2 การบันทึก
คนไทยเป็นชาติพูด ไม่ชอบบันทึกสิ่งที่ได้พบเห็น แม้แต่ทางการแพทย์
อาการคนไข้จำเป็นต้องบันทึกให้ละเอียด แต่บางครั้งหยิบมาดูมีแต่ชื่อ
คราวที่แล้วให้ยาอะไรก็นึกไม่ออก เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ก็เช่นกัน
ไม่รู้บันทึกไว้หรือเปล่า ดังนั้นต้องฝึกการบันทึกเราจะฉลาดขึ้น
ขั้นที่ 3 การนำเสนอ
เมื่อเรียนรู้อะไรมา ต้องฝึกการนำเสนอให้เพื่อนหรือครูได้รู้
ขั้นที่ 4 การฟัง
รู้จักฟังคนอื่นจะทำให้ฉลาดขึ้น ฟังมากก็ฉลาดมาก โบราณเรียกว่า
"พหูสูตร"
ขั้นที่ 5 ปุจฉา-วิสัชนา เพื่อให้เกิดความชัดเจนแจ่มแจ้ง
ต้องมีการถาม-ตอบ ถ้าฟังครูโดยไม่ถาม-ตอบ ก็ไม่แจ่มแจ้ง
ขั้นที่ 6 การตั้งสมมติฐานและตั้งคำถาม
ต้องฝึกให้นักเรียนได้ตั้งคำถาม ซึ่งคำถามมาตรฐาน 4 อย่าง
ได้แก่ สิ่งนี้คืออะไร เกิดจากอะไร อะไรมีประโยชน์สำหรับเรื่องอะไร
ทำอย่างไรจะสำเร็จประโยชน์อันนี้
ขั้นที่ 7 การค้นหาคำตอบ
ให้เด็กหาคำตอบ เด็กจะสนุกไปค้นหาคำตอบทางอินเตอร์เน็ต
ในหนังสือบางครั้งหาไม่เจอเพราะคำตอบจะอยู่ในปากของคนเฒ่าคนแก่
เรียกว่า "มุขปาถะ"ซึ่งมีประสบการณ์มาก แต่ถูกลืม
หากให้เด็กไปถามก็จะเกิดความสัมพันธ์กันระหว่างบุคคลด้วย
ขั้นที่ 8 การวิจัย
เป็นการสร้างความรู้เป็นวิถีชีวิต การที่ไม่เรียนรู้วิจัย
ทำให้เสียหายทางเศรษฐกิจ หรือทางการแพทย์ปีละไม่น้อยกว่าแสนล้านบาท
ขั้นที่ 9 การเชื่อมโยงให้เกิดปัญญา
เมื่อเรียนรู้อะไรมาต้องเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้เห็นความจริงทั้งหมดรวมทั้งเห็นตัวเองด้วย
ขั้นที่ 10 การเขียน
นอกจากการถามแล้ว-ตอบแล้ว การเขียนจะพัฒนาปัญญาได้ดี เพราะการเขียนคือการใช้พลังสมองในการคิด
เรียบเรียงถ้อยคำให้เป็นเรื่องราว เกิดความชัดเจน ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจตรงกัน
|