รายละเอียด
: |
ชีวิตท่ามกลางโลก
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
"โลกธรรม"
ย่อมหมุนไปตามโลก
คือย่อมติดตามไป
ย่อมไม่ละ
ย่อมไม่พ้นไปจากโลกนี้ได้
และโลกนี้ก็ย่อมหมุนตาม
ไม่ละ
ไม่หมุนหนี้ไปจากโลกธรรมเหล่านั้น
เช่นกัน คือ
...เมื่อมี ลาภ
ความเสื่อมลาภ
ก็ย่อมมีมา
...เมื่อมี ยศ
ความเสื่อมยศ
ก็ย่อมมีมา
...เมื่อมี นินทา
ความสรรเสริญ
ก็ย่อมมีมา
...เมื่อมี ทุกข์
ความสุข ก็ย่อมมีมา
โลกธรรมเหล่านี้
ย่อมเกิดขึ้นแก่ทั้งปุถุชนผู้มิได้เรียนรู้
และแก่
อริยสาวกผู้ได้เรียนรู้
และย่อมมีแม้แก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ต่างกันอยู่ที่ปุถุชนไม่รู้
ไม่เข้าใจตามหลักของความเป็นจริง
ลุ่มหลง
ยินดียินร้ายไปตามโลกธรรมนั้น
ส่วนอริยสาวก ท่าน
พิจารณาเห็นตามความเป็นจริงว่า
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าลาภ
ยศ
สรรเสริญ สุข หรือ
เสื่อมลาภ เสื่อมยศ
นินทา ทุกข์
ล้วนไม่เที่ยง
ล้วนเป็นทุกข์
ล้วนมีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
ไม่หลงไหล
มัวเมากับสิ่งที่ได้มา
ไม่ขุ่นมัว หม่นหมอง
กับสิ่งที่สูญเสียไป
มีสติปัญญารู้เท่าทันโลกธรรม
ที่หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ตามความเป็นจริง
(มโนรถปูรณี อรรถกถา
อังคุตตรนิกาย
อัฏฐกนิบาต)
จากหนังสือธรรมนูญชีวิต
ของพระธรรมปิฎก
...ยามใดที่สัตว์โลกยิ่งมีกิเลสมากเท่าใด
มีความประพฤติผิดทำนอง
คลองธรรม
ขาดความละอายต่อบาปมากขึ้นเพียงใด
สัตว์โลกเอง
นั่นแหละจะได้รับภัยอันตราย
ความทุกข์
ความเดือดร้อน
ทั้งจาก
ธรรมชาติ
ทั้งจากน้ำมือของสัตว์โลกด้วยกัน
มากขึ้นเพียงนั้น
ดังที่
ได้ประสบพบเห็นกันอยู่ในปัจจุบันทั่วทุกมุมโลก...
|